เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับสะพานฮ่องกง – จูไห่ – มาเก๊า (Hong Kong – Zhuhai – Macao Bridge)
14 Mar 2019ตั้งแต่เปิดใช้ไปเมื่อปีที่ผ่านมา สะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า (HZMB) ไม่เพียงแต่จะช่วยให้นักธุรกิจหรือผู้ที่ต้องเดินทางระหว่างเมืองทั้งสามเมืองสามารถเดินทางได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น แต่ยังกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายให้มานั่งรถชมทัศนียภาพกลางทะเล ข้ามสะพานที่ขึ้นชื่อว่ายาวที่สุดในโลก มีต้นทุนการสร้างที่แพงที่สุดในโลก และผ่านอุโมงค์ใต้น้ำที่ยาวที่สุดในโลกอีกด้วย บทความของบีไอซีฮ่องกงในวันนี้จะรวบรวมข้อมูลสำคัญๆ เกี่ยวกับสะพานดังกล่าวที่น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทั้งนักธุรกิจและนักเดินทางชาวไทยมาให้อ่านกัน ซึ่งจะประกอบไปด้วย (1) ความเป็นมาและจุดเด่นของสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า (2) ความสำคัญของสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า (3) การเดินทาง และ (4) โอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการและนักลงทุนไทย
(1) ความเป็นมาและจุดเด่นของสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า
ความคิดที่จะสร้างทางเชื่อมต่อระหว่างฮ่องกง มาเก๊า และจีนแผ่นดินใหญ่ได้มีการกล่าวถึงมาตั้งแต่ช่วงปี 2526 ก่อนจะมีการพิจารณาและวางแผนกันหลายทศวรรษ จนได้เริ่มก่อสร้างสะพานที่จะเชื่อมต่อฮ่องกง มาเก๊า และเมืองจูไห่ที่อยู่ทางตอนใต้ของจีนแผ่นดินใหญ่เมื่อเดือนธันวาคม 2552 โดยใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างทั้งสิ้น 9 ปีจนแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 2561 และเปิดให้สาธารณชนได้ใช้บริการไปตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2561
สะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊ามีต้นทุนการสร้างอยู่ที่ราวๆ 1 แสน 2 หมื่น 7 พันล้านหยวน (หรือประมาณ 5 แสน 9 หมื่น 1 พันล้านบาท) ซึ่งก็แบ่งกันรับผิดชอบโดยรัฐบาลฮ่องกง รัฐบาลมาเก๊า และรัฐบาลมณฑลกวางตุ้ง มูลค่าดังกล่าวทำให้สะพานแห่งนี้กลายเป็นสะพานที่แพงที่สุดในโลกในปัจจุบัน อีกทั้งยังมีการประมาณว่าจำนวนเหล็กที่ใช้ในการก่อสร้างสะพานแห่งนี้สามารถสร้างหอไอเฟลได้ถึง 60 หอเลยทีเดียว
นอกจากนี้ สะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊ายังได้รับการขนานนามให้เป็นสะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลกอีกด้วย โดยมีความยาวรวมแล้ว 55 กิโลเมตร ประกอบไปด้วย 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ (1) สะพานหลัก (Main Bridge) ยาว 29.6 ก.ม. (2) ทางเชื่อมจากสะพานหลักไปสู่ฮ่องกง (Hong Kong Link Road) ยาว 12 ก.ม. และ (3) ทางเชื่อมจากสะพานหลักไปสู่เมืองจูไห่ (Zhuhai Link Road) ยาว 13.4 ก.ม. ส่วนทางเชื่อมจากสะพานหลักไปสู่มาเก๊า (Macao Link Road) นั้นเป็นเพียงทางสั้นๆ ที่แยกไปมาเก๊า จึงไม่ได้นับรวมในความยาว 55 กิโลเมตรที่กล่าวมาข้างต้น และเนื่องจากน่านน้ำที่สะพานข้ามผ่านเป็นเส้นทางการคมนาคมของเรือขนส่งสินค้าที่พลุกพล่านมาก สะพานแห่งนี้จึงถูกสร้างให้มีส่วนที่เป็นอุโมงค์ใต้น้ำเพื่อที่จะช่วยให้เรือขนส่งสินค้าสามารถแล่นผ่านไปได้โดยไม่ต้องมีการเปิด-ปิดสะพาน ซึ่งอุโมงค์ใต้น้ำดังกล่าวยังถือเป็นอุโมงค์ใต้น้ำที่ยาวที่สุดในโลก (6.7 ก.ม.) และอยู่ลึกที่สุด (48 เมตรใต้น้ำทะเล) ในบรรดาอุโมงค์แบบเดียวกันอีกด้วย
ทั้งสองฝั่งของสะพานฯ จะมีเกาะเทียมที่สร้างไว้เพื่อเป็นที่ตั้งของด่านสำหรับผ่านเข้าเมืองทั้งสามเมือง โดยทางฝั่งฮ่องกงเกาะดังกล่าวจะตั้งอยู่สุดทางของ Hong Kong Link Road และเชื่อมต่อกับเกาะที่เป็นที่ตั้งของสนามบินนานาชาติฮ่องกง (Hong Kong International Airport – HKIA) ด่านของฮ่องกงซึ่งตั้งอยู่บนเกาะเทียมนี้เรียกว่า Hong Kong Port โดยจะมีทั้งอาคารผู้โดยสาร (Passenger Clearance Building – PCB) ที่มีจุดตรวจคนเข้าเมืองและการศุลกากรสำหรับผู้โดยสารขาเข้า-ออกฮ่องกง ด่านตรวจสำหรับยานพาหนะที่จะผ่านขึ้นสะพานหรือเข้าเมืองฮ่องกง (Vehicle Clearance Plazas – VCPs) และท่ารถโดยสารสำหรับขึ้นสะพานหรือเข้าเมืองฮ่องกง (Public Transport Interchanges – PTI) ส่วนด่านของเมืองจูไห่ (Zhuhai Port) และด่านของมาเก๊า (Macao Port) จะตั้งอยู่บนเกาะเทียมที่อยู่สุดทางของสะพานหลักก่อนจะมีทางแยกไป Zhuhai Link Road และ Macao Link Road ซึ่งนอกจากจะอยู่บนเกาะเดียวกันแล้ว Zhuhai Port และ Macao Port ยังใช้อาคารผู้โดยสารร่วมกันด้วย โดยจุดตรวจคนเข้าเมืองและการศุลกากรของแต่ละเมืองจะอยู่กันคนละส่วนของอาคารดังกล่าว
(2) สะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊ามีความสำคัญอย่างไร
การสร้างสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊าเป็นการยกระดับการคมนาคมที่จะช่วยส่งเสริมโครงการพัฒนาพื้นที่อ่าวกวางตุ้ง–ฮ่องกง–มาเก๊า (Greater Bay Area) ซึ่งมีเป้าหมายที่จะพัฒนาและสร้างระบบนิเวศน์ทางเศรษฐกิจภายในพื้นที่ที่ประกอบไปด้วย ฮ่องกง มาเก๊า และหัวเมืองทั้งหมด 9 แห่งในมณฑลกวางตุ้งที่ถูกจัดให้เป็นเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียง (Pearl River Delta) ซึ่งได้แก่ กว่างโจว เซินเจิ้น จูไห่ ฝอซาน ตงก่วน หุ้ยโจว จงซาน เจียงเหมิน และจ้าวซิ่ง โดยสะพานแห่งนี้จะช่วยร่นระยะเวลาในการเดินทางทางบกภายในพื้นที่ Greater Bay Area ได้ เช่น จากเดิมที่ต้องใช้ระยะเวลาเดินทางกว่า 4 ชั่วโมงจากฮ่องกงไปเมืองจูไห่ก็ลดลงเหลือเพียงแค่ 45 นาทีด้วยการใช้สะพานฯ ส่งผลให้การเดินทางท่องเที่ยวและการขนส่งสินค้าระหว่างฮ่องกง มาเก๊า และเมืองต่างๆ ทางตอนใต้ของจีนแผ่นดินใหญ่มีความสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งก็จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในพื้นที่ดังกล่าว
(3) การเดินทาง
(3.1) ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจราจรบนสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า
ในขณะที่ฮ่องกงและมาเก๊ามีระบบการจราจรที่ชิดทางด้านซ้ายมือ (Left-Hand Traffic – LHT) สะพานฮ่องกง-จู่ไห่-มาเก๊าจะใช้ระบบการจราจรที่ชิดทางด้านขวามือ (Right-Hand Traffic – RHT) ตามระบบของเมืองจู่ไห่และเมืองอื่นๆ ในจีนแผ่นดินใหญ่ เนื่องจากการจราจรของเมืองทั้งสามเมืองนั้นมีความแออัดมาก ทำให้แต่ละเมืองไม่ต้องการให้มีจำนวนยานพาหนะเพิ่มขึ้น สะพานแห่งนี้จึงมีข้อจำกัดให้ยานพาหนะที่มีทะเบียนข้ามเขตแดนที่กำหนดเท่านั้นจึงจะสามารถผ่านขึ้นสะพานได้ ผู้คนส่วนใหญ่จึงเดินทางข้ามสะพานแห่งนี้ด้วยรถโดยสารประจำทางหรือรถรับจ้างข้ามเขตแดน ทั้งนี้ข้อจำกัดต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการตกลงร่วมกันระหว่างรัฐบาลทั้งสามรัฐบาล
นอกจากนี้ ยานพาหนะที่เดินทางระหว่างฮ่องกงและมณฑลกวางตุ้งด้วยสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า จะต้องมีประกันยานยนต์ของทั้งฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่ ส่วนยานพาหนะที่เดินทางระหว่างฮ่องกงและมาเก๊าด้วยสะพานฯ ก็จะต้องมีประกันยานยนต์ของทั้งฮ่องกง มาเก๊า และจีนแผ่นดินใหญ่ เนื่องจากส่วนของสะพานหลักนั้นถือว่าตั้งอยู่บนน่านน้ำของจีนแผ่นดินใหญ่ จึงต้องทำตามระเบียบของจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย รายละเอียดเกี่ยวกับประกันสามารถดูได้ที่ http://www.hkfi.org.hk/hzmb/index.html
(3.2) วีซ่า
ผู้ที่เดินทางข้ามสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊าจะต้องผ่านจุดตรวจคนเข้าเมืองขาออก (Departure) ในอาคารผู้โดยสารของ Hong Kong Port, Zhuhai Port หรือ Macao Port ที่ต้นทางก่อนข้ามสะพาน และผ่านจุดตรวจคนเข้าเมืองขาเข้า (Arrival) ในอาคารผู้โดยสารที่ Port ปลายทางอีกครั้งหลังข้ามสะพาน
จากฮ่องกงไปมาเก๊า / จากมาเก๊าไปฮ่องกง
ผู้ที่ถือหนังสือเดินทางไทยสามารถเดินทางระหว่างฮ่องกงและมาเก๊าด้วยสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊าได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า และสามารถพำนักอยู่ในแต่ละที่ได้ 30 วัน
จากฮ่องกงไปจูไห่ / จากมาเก๊าไปจูไห่
เนื่องจากจูไห่เป็นพื้นที่ของจีนแผ่นดินใหญ่ ผู้ที่ถือหนังสือเดินทางไทยจะต้องมีวีซ่าจีนหากจะเดินทางจากฮ่องกงหรือมาเก๊าไปยังเมืองจูไห่ด้วยสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า
จากจูไห่ไปมาเก๊า / จากจูไห่ไปฮ่องกง
ผู้ที่ถือหนังสือเดินทางไทยที่มีวีซ่าเข้าจีนและเดินทางอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่อยู่แล้วสามารถเดินทางจากเมืองจูไห่ไปยังฮ่องกงหรือมาเก๊าด้วยสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊าได้เลยโดยไม่ต้องขอวีซ่าอื่นเพิ่มอีก
(3.3) รถโดยสารประจำทาง
ผู้ที่เดินทางข้ามสะพานส่วนใหญ่โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจะเดินทางด้วยรถโดยสารประจำทางที่มีอยู่ 2 ประเภท ได้แก่ Shuttle Bus และ Cross-Boundary Coach
(3.3.1) Shuttle Bus ซึ่งมีชื่อเรียกว่า Golden Bus จะให้บริการเฉพาะบริเวณสะพาน โดยมี 2 เส้นทางคือ
(1) Hong Kong Port ↔ Zhuhai Port และ
(2) Hong Kong Port ↔ Macao Port
แต่ละเส้นทางจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที มีบริการตลอด 24 ชั่วโมง และมีเที่ยวรถทุกๆ 10-15 นาทีในเวลาปกติ ทุกๆ 5-10 นาทีในชั่วโมงเร่งด่วน และทุกๆ 15-30 นาทีในช่วงกลางคืน ค่าโดยสารสำหรับ Shuttle Bus ทั้งสองเส้นทางสามารถดูได้ตามตารางข้างล่างนี้:
ผู้โดยสารสามารถซื้อตั๋วโดยสารได้ที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วและตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติที่อยู่ในอาคารผู้โดยสารของ Hong Kong Port, Zhuhai Port หรือ Macao Port หลังจากที่ผ่านจุดตรวจคนเข้าเมืองแล้ว หรือซื้อตั๋วออนไลน์ได้ผ่านบัญชี WeChat สาธารณะชื่อ “hzmbus” และผ่านเว็บไซต์ (เป็นภาษาจีน) ของบริษัทรถ Shuttle Bus ที่ http://www.hzmbus.com/ ข้อกำหนดสำหรับกระเป๋าที่จะนำขึ้นรถ Shuttle Bus ได้คือจะต้องมีขนาดไม่เกิน 76 ซม. x 51 ซม. x 32 ซม. และมีน้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม จำนวน 1 ใบต่อ 1 คน
ทั้งนี้ เนื่องจาก Shuttle Bus จะให้บริการเฉพาะบริเวณสะพานจาก Port หนึ่งไปอีก Port หนึ่งเท่านั้น ดังนั้นผู้โดยสารจะต้องเดินทางไปยัง Hong Kong Port, Zhuhai Port หรือ Macao Port ด้วยรถโดยสารสาธารณะอื่นๆ เอง ก่อนจะผ่านจุดตรวจคนเข้าเมืองขาออกในอาคารผู้โดยสารของ Port ต้นทาง แล้วจึงซื้อตั๋วและขึ้นรถ Shuttle Bus ไปยัง Port ปลายทาง และเมื่อถึง Port ปลายทางและผ่านจุดตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าเรียบร้อยแล้วก็ต้องเดินทางเข้าเมืองด้วยรถโดยสารสาธารณะอื่นๆ เอาเอง ทางเลือกสำหรับรถโดยสารสาธารณะต่างๆ ที่ให้บริการจากตัวเมืองไปยัง Hong Kong Port, Zhuhai Port และ Macao Port หรือจาก Port เหล่านี้เข้าไปยังตัวเมืองสามารถดูได้ตามตารางข้างล่างนี้
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถประจำทาง (สถานีที่จอด เวลาที่ให้บริการ ค่าโดยสาร ฯลฯ) สามารถดูได้ตามลิ้งค์ต่างๆ ข้างล่างนี้:
- Citybus: http://www.nwstbus.com.hk/content/default.aspx?intLangID=1§ion=routes&page=crossBoarderServices
- Long Win Bus: http://www.lwb.hk/en/routeintroduction.html#airbus
- New Lantao Bus: http://www.newlantaobus.com/route
- Green Minibus (GMB): http://www.16seats.net/eng/gmb/gmb.html
- หรือข้อมูลสาย 901
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถประจำทางทั้ง 2 สายในมาเก๊า สามารถดูได้ที่:
- สาย 101X: http://www.dsat.gov.mo/bus/images/busroute/busroute_101X.jpg
- สาย 102X: http://www.dsat.gov.mo/bus/images/busroute/busroute_102X.jpg
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ city bus และ tourist bus สายต่างๆ สามารถดูได้ที่: http://www.travelchinaguide.com/cityguides/guangdong/zhuhai/transportation/town-bus.htm
(3.3.2) Cross-Boundary Coach ให้บริการจากตัวเมืองหนึ่งข้ามสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊าไปยังอีกตัวเมืองหนึ่ง โดยเมื่อเดินทางมาถึง Port ต้นทาง รถก็จะจอดให้ผู้โดยสารลงไปผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองขาออกก่อนแล้วค่อยกลับขึ้นมาบนรถคันเดิมเพื่อเดินทางข้ามสะพานฯ และเมื่อถึง Port ปลายทางก็จะจอดให้ผู้โดยสารลงไปผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองขาเข้าอีกครั้งก่อนจะกลับขึ้นมาบนรถแล้วจึงเดินทางต่อไปยังตัวเมืองจุดหมายปลายทาง ปัจจุบันมีบริษัทรถโดยสารข้ามเขตแดน (Cross-Boundary Coach) 3 บริษัทที่เริ่มให้บริการแล้ว ดังนี้
รายละเอียดเพิ่มเติม
- One Bus Hong Kong Macau Limited: http://www.onebus.hk/en/
- Hong Kong – Macao Express: http://www.hkmoexpress.com (ภาษาจีน) หรือ http://www.trans-island.com.hk/en/servicedetails.php?id=132#logo_tag
รายละเอียดเพิ่มเติม
- Trans-Island Chinalink ฮ่องกง-จูไห่: http://www.trans-island.com.hk/en/servicedetails.php?id=128#logo_tag และ http://www.trans-island.com.hk/en/servicedetails.php?id=130#logo_tag
- Trans-Island Chinalink ฮ่องกง-เมืองอื่นๆ ในจีนแผ่นดินใหญ่: http://www.trans-island.com.hk/en/servicelist.php?nid=2
สำหรับรายชื่อและข้อมูลติดต่อบริษัทรถโดยสารข้ามเขตแดนอื่นๆ ที่มีใบอนุญาตข้ามสะพานฯ สามารถดูได้ที่ http://www.td.gov.hk/en/transport_in_hong_kong/land_based_cross_boundary_transport/enquiries/index.html#hzmb_enquiry หรือ ติดต่อสอบถามไปยังสมาคมรถโดยสารข้ามเขตแดนทั้ง 2 สมาคมได้ตามนี้
(3.4) รถรับจ้างข้ามเขตแดน
ผู้ที่ไม่ต้องการเดินทางโดยสารไปกับกลุ่มคนเยอะๆ หรือไม่ต้องการต่อคิวรอรถโดยสารประจำทางเป็นเวลานาน ก็สามารถเลือกใช้รถรับจ้างข้ามเขตแดนได้ โดยจะให้บริการเสมือนรถแท็กซี่ที่ข้ามสะพานได้ สามารถรับส่งตามจุดที่ลูกค้าต้องการ โดยลูกค้าจะต้องจองรถล่วงหน้าก่อน Trans-Island Limousine Service Ltd. ก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่ให้บริการรถรับจ้างข้ามเขตแดน ซึ่งสามารถดูรายละเอียดและจองรถได้ที่ http://www.trans-island.com.hk/en/index.php สำหรับรายชื่อและข้อมูลติดต่อบริษัทรถรับจ้างข้ามเขตแดนอื่นๆ ที่มีใบอนุญาตข้ามสะพานฯ สามารถดูได้ที่ http://www.td.gov.hk/en/transport_in_hong_kong/land_based_cross_boundary_transport/enquiries_on_cross_boundary_hire_car_service/index.html#hzmb%20enquiry หรือติดต่อสอบถามไปยังสมาคมรถโดยสารข้ามเขตแดนทั้ง 2 สมาคมตามที่ได้ระบุไว้ในข้อ (3.3)
(3.5) รถยนต์ส่วนตัวสำหรับบริษัทและบุคคลทั่วไป
ผู้ขับขี่รถยนต์ส่วนตัวจากฮ่องกงที่ไม่ได้ต้องการขับรถข้ามสะพานสามารถจอดรถที่ลานจอดรถ Car Park 1 ถึง 5 ใน Hong Kong Port ได้ โดยลานจอดรถดังกล่าวสามารถจอดรถได้มากกว่า 600 คัน หลังจากจอดรถแล้วก็สามารถไปยังอาคารผู้โดยสารเพื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองขาออกของฮ่องกงแล้วจึงต่อรถ Shuttle Bus เพื่อข้ามสะพานฯ ไปอีกฝั่งหนึ่งได้ การจอดรถใน Hong Kong Port ควรทำการจองล่วงหน้า โดยจะสามารถจองล่วงหน้าได้ 24 ชั่วโมงถึง 7 วันก่อนการเดินทาง ท่านสามารถดูรายละเอียดเกี่ยวกับการจองและทำการจองล่วงหน้าได้ที่ http://www.hzmbparking.com.hk/
ส่วนรถยนต์ส่วนตัวที่จะผ่านขึ้นสะพานฯ จะต้องเสียค่าผ่านทาง (ต่อคันต่อเที่ยว) จำนวน 150 หยวน และจะต้องได้รับอนุญาตให้ข้ามสะพานตามข้อกำหนดและโควตาต่างๆ ดังนี้:
- เดินทางระหว่างฮ่องกง – มณฑลกวางตุ้ง
ปัจจุบันรัฐบาลฮ่องกงร่วมกับรัฐบาลมณฑลกวางตุ้งได้ประกาศโควตาออกมาให้รถยนต์ส่วนตัวที่มีทะเบียนข้ามเขตแดน (cross-boundary private cars/ dual-plate private cars) ที่มีคุณสมบัติตามที่รัฐบาลกำหนดสามารถข้ามสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊าเพื่อเดินทางระหว่างฮ่องกงและมณฑลกวางตุ้งได้ โดยมีโควตาจำนวน 10,000 คันสำหรับรถยนต์ข้ามเขตแดนที่จดทะเบียนในฮ่องกงซึ่งเจ้าของรถยนต์จะต้องมีคุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้ (1) เป็นบริษัทของฮ่องกงที่จ่ายภาษีให้กับรัฐบาลมณฑลกวางตุ้งมากกว่า 100,000 หยวนภายในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา (2) เป็นบริษัทเทคโนโลยีขั้นสูงของฮ่องกงที่เป็นที่รู้จักระดับชาติ (3) เป็นพลเมืองฮ่องกงที่บริจาคเงินให้กับมูลนิธิต่างๆ ในมณฑลกวางตุ้งมากกว่า 5 ล้านหยวน หรือ (4) เป็นพลเมืองฮ่องกงที่เป็นสมาชิกสภาทางด้านกฎหมายหรือทางด้านการเมืองของมณฑลกวางตุ้ง ผู้ที่มีคุณสมบัติดังกล่าวจะสามารถสมัครขอรับใบอนุญาตในการใช้สะพานฯ ได้ที่ Guangdong Public Security Department (GDPSD) หรือ Kowloon Bay Entry Permit Service Centre และ Shatin Entry Permit Service Centre ของ China Travel Service (Hong Kong) Limited โดยใบอนุญาตจะมีอายุการใช้งาน 5 ปี ซึ่งก็จะสามารถต่ออายุได้ตามเงื่อนไขและโควตาต่างๆ ที่มีอยู่เมื่อถึงเวลานั้น รายละเอียดการสมัคร (เป็นภาษาจีน) สามารถดูได้ในเว็บไซต์ของ GDPSD ที่ http://jj.gdga.gov.cn/
นอกจากนี้รถยนต์ข้ามเขตแดนที่จดทะเบียนในฮ่องกงที่ปัจจุบันสามารถข้ามเขตแดนอื่นๆ ระหว่างฮ่องกงและมณฑลกวางตุ้งได้อยู่แล้ว จะได้รับอนุญาตให้ใช้สะพานฯ ได้ในช่วงระยะเวลาทดลองที่จำกัดไว้ 2 ปี โดยรถยนต์ที่สามารถข้ามเขตแดน Lok Ma Chau (Huanggang), Man Kam To และ Sha Tau Kok ได้อยู่แล้วจะสามารถใช้สะพานฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2562 จนถึง 24 กุมภาพันธ์ 2564 ในขณะที่รถยนต์ที่สามารถข้ามเขตแดน Shenzhen Bay Port ได้อยู่แล้วจะสามารถใช้สะพานฯ ได้ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2562 จนถึง 28 เมษายน 2564 รายละเอียดสามารถดูได้ที่ https://www.td.gov.hk/en/publications_and_press_releases/press_releases/transport_department/index_id_3117.html
- เดินทางระหว่างฮ่องกง – มาเก๊า
รัฐบาลมีโควตาให้รถยนต์ข้ามเขตแดนที่จดทะเบียนในฮ่องกงสามารถใช้สะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊าเพื่อเดินทางระหว่างฮ่องกงและมาเก๊าได้จำนวน 300 คัน โดยแบ่งเป็น 150 คันสำหรับบริษัท และ 150 คันสำหรับบุคคลทั่วไป โดยบริษัทจะต้องเป็นบริษัทที่จดทะเบียนทั้งในฮ่องกงและมาเก๊า หรือจดทะเบียนบริษัทในฮ่องกงและเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทที่จดทะเบียนในมาเก๊า ส่วนบุคคลทั่วไปจะต้องเป็นพลเมืองถาวรของฮ่องกงที่ได้รับการจ้างงานและได้รับเงินเดือนในมาเก๊า หรือเป็นพลเมืองถาวรของฮ่องกงที่จัดตั้งบริษัทที่จดทะเบียนในมาเก๊า ใบอนุญาตข้ามสะพานฯ นี้มีอายุการใช้งาน 3 ปี ปัจจุบันโควตาดังกล่าวมีผู้สมัครเต็มไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้ที่สนใจอาจรอติดตามความคืบหน้าเผื่อว่ารัฐบาลจะมีการเพิ่มโควตาหรือมีการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ได้อีกในอนาคต รายละเอียดสามารถดูได้ที่ https://www.td.gov.hk/en/public_services/licences_and_permits/closed_road_permit_for_cross_boundary_vehicles/rq_hk_private_cars_to_macao_access_city_centre/index.html
นอกจากนี้รัฐบาลยังมีโครงการ HZMB Macao Port Park-and-Ride Scheme ให้รถยนต์ทั่วไปจากฮ่องกงสามารถเดินทางข้ามสะพานฯ แล้วไปจอดที่อาคารจอดรถ East Car Park ที่ Frontier Post ใน Macao Port เป็นระยะเวลาสั้นๆ ได้ ซึ่งอาคารจอดรถดังกล่าวสามารถจอดรถยนต์ได้ประมาณ 3,000 คัน โดยหลังจากจอดรถแล้วผู้ขับขี่หรือผู้โดยสารก็สามารถเข้าไปยังอาคารผู้โดยสารเพื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองของมาเก๊าแล้วจึงต่อรถโดยสารสาธารณะเข้าไปในตัวเมืองมาเก๊าได้ ผู้ขับขี่รถยนต์ที่สนใจสามารถสมัครโครงการดังกล่าวได้ที่กรมการขนส่งของฮ่องกง (Transport Department) ซึ่งกรมการขนส่งของฮ่องกงก็จะส่งเรื่องไปขอใบอนุญาตจากมาเก๊าและจีนแผ่นดินใหญ่ให้ และผู้ขับขี่จะต้องทำการจองที่จอดรถล่วงหน้าก่อนเดินทางด้วย รายละเอียดการสมัครรวมถึงวิดีโอแนะนำการสมัครโครงการสามารถดูได้ที่: https://www.td.gov.hk/en/public_services/licences_and_permits/hzmb_macao_port_parknride/index.html
(3.6) รถบรรทุกสินค้า
ถึงแม้ว่าจะมีข้อจำกัดออกมาค่อนข้างมากสำหรับรถยนต์ส่วนตัว แต่สำหรับรถบรรทุกสินค้าต่างๆ จะไม่มีข้อจำกัดมากเนื่องจากรัฐบาลต้องการสนับสนุนให้อุตสาหกรรมการขนส่งสินค้าหันมาใช้สะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊ามากขึ้น รถขนส่งสินค้า (goods vehicles) และรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ (container trucks) ที่มีทะเบียนข้ามเขตแดนอยู่แล้วจะสามารถข้ามสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊าได้เลยโดยไม่ต้องทำเรื่องสมัครขอใบอนุญาตอื่นๆ อีก อย่างไรก็ตามรถดังกล่าวจะต้องมีความสูงและบรรทุกน้ำหนักไม่เกินขีดจำกัดที่กำหนดไว้ในเมืองที่อยู่บนเส้นทางขับขี่ ซึ่งแต่ละเมืองก็จะกำหนดขีดจำกัดไว้แตกต่างกันออกไป เช่น จีนแผ่นดินใหญ่อนุญาตให้รถขนส่งสินค้าบรรทุกได้สูงสุด 49 ตัน ในขณะที่ฮ่องกงอนุญาตให้สูงสุด 44 ตัน และมาเก๊าอนุญาตให้สูงสุด 38 ตัน ดังนั้นผู้ประกอบการที่ต้องการใช้สะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊าในการขนส่งสินค้าจึงควรศึกษากฎระเบียบ ข้อกำหนด รวมถึงพิธีการศุลกากรทางบกของด่านที่จะต้องผ่านให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจใช้เส้นทางดังกล่าว ในส่วนของค่าผ่านทางสำหรับข้ามสะพาน (ต่อคันต่อเที่ยว) รถขนส่งสินค้าจะต้องเสียค่าผ่านทาง 60 หยวน ในขณะที่รถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์จะต้องเสียค่าผ่านทาง 115 หยวน
(4) โอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการและนักลงทุนไทย
เนื่องจากทางขึ้นสะพานของฝั่งฮ่องกงนั้นอยู่ใกล้กับสนามบินนานาชาติฮ่องกง (HKIA) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าระดับโลก และเป็นสนามบินที่บริหารจัดการขนส่งสินค้ามากที่สุดในโลกมาเป็นระยะเวลา 8 ปีติดต่อกันตั้งแต่ปี 2553 แล้ว ดังนั้นผู้ประกอบการไทยอาจเล็งเห็นโอกาสในการใช้ประโยชน์จากศักยภาพและความเชี่ยวชาญของ HKIA ประกอบกับระยะเวลาการเดินทางที่สั้นลงระหว่างฮ่องกงกับพื้นที่ทางตอนใต้ของจีนแผ่นดินใหญ่ด้วยการใช้สะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊าเพื่อขนส่งสินค้าของตนได้
ถึงแม้ว่าการร่นระยะเวลาเดินทาง เช่น จาก 4 ชั่วโมง เป็น 45 นาทีจากฮ่องกงไปเมืองจูไห่ อาจไม่มีผลกระทบมากมายต่อการขนส่งสินค้าหลายๆ ประเภท แต่สำหรับสินค้าที่ต้องอาศัยความรวดเร็วในการขนส่ง เช่น อาหารสด ผัก ผลไม้ ดอกไม้ ฯลฯ การร่นระยะเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็อาจมีผลต่อความสดใหม่ของสินค้าได้ ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการขนส่งสินค้าประเภทดังกล่าวมายังสนามบินนานาชาติฮ่องกง แล้วส่งต่อไปยังเมืองต่างๆ ที่อยู่ทางตะวันตกของพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำจูเจียง (western Pearl River Delta) อย่างจูไห่ จงซาน เจียงเหมิน รวมถึงเมืองอื่นๆ ทางตอนใต้และตะวันตกเฉียงใต้ของจีนแผ่นดินใหญ่ เช่น ไห่หนานและกว่างซี ก็อาจพิจารณาใช้สะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊าเพื่อร่นระยะเวลาในการขนส่งสินค้าได้
ในขณะเดียวกัน สะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊าจะช่วยให้โรงงานผู้ผลิตสินค้าที่อยู่ในพื้นที่ western Pearl River Delta และเมืองอื่นๆ ทางตอนใต้และตะวันตกเฉียงใต้ของจีนแผ่นดินใหญ่สามารถขนส่งสินค้าไปยังสนามบินนานาชาติฮ่องกงได้รวดเร็วยิ่งขึ้น จึงอาจเป็นโอกาสให้ผู้ผลิตสินค้าต่างๆ ของไทยที่สนใจจะสร้างฐานการผลิตในจีนแผ่นดินใหญ่เพื่อส่งสินค้าออกไปขายยังประเทศอื่นๆ พิจารณาสร้างฐานการผลิตในพื้นที่ดังกล่าว เพราะสามารถส่งสินค้าไปยังสนามบินนานาชาติฮ่องกงซึ่งมีเส้นทางการบินมากกว่า 220 เส้นทางทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว และได้เปรียบกว่าการสร้างฐานการผลิตในฮ่องกง เนื่องจากพื้นที่ในจีนแผ่นดินใหญ่นั้นกว้างขวางกว่า มีค่าเช่าที่และค่าแรงงานที่ถูกกว่าฮ่องกงเป็นอย่างมาก จึงเป็นทางเลือกที่จะเพิ่มผลผลิตและลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ด้วยความที่สนามบินนานาชาติฮ่องกงนั้นพลุกพล่านจนถึงขั้นแออัดมากในบางช่วงเวลา ผู้ประกอบการไทยที่ตั้งใจจะส่งสินค้าไปยังฮ่องกงหรือประเทศอื่นๆ แล้วไม่สามารถหาเที่ยวบินไปยังสนามบินนานาชาติฮ่องกงได้ก็อาจพิจารณาส่งสินค้าไปยังสนามบินจูไห่แทน แล้วจึงค่อยขนส่งสินค้าจากสนามบินจูไห่มายังฮ่องกงผ่านสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊าได้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากสนามบินจูไห่มีกฎระเบียบที่แตกต่างจากสนามบินนานาชาติฮ่องกง ผู้ประกอบการจึงควรศึกษากฎระเบียบของสนามบินจูไห่ให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจส่งสินค้ามายังสนามบินดังกล่าว
ในด้านของการลงทุน ปัจจุบันมีบริษัทฮ่องกงและบริษัทต่างชาติมากมายที่กำลังลงทุนอยู่ในเมืองต่างๆ ที่อยู่รอบๆ บริเวณเส้นทางรถไฟและเส้นทางถนนที่มุ่งหน้าไปสู่นครกว่างโจวซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็น “โรงงานผลิตของโลก (factory of the world)” สะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊าก็ช่วยพัฒนาการคมนาคมภายในเมืองต่างๆ ทางตอนใต้ของนครกว่างโจวให้มีการเชื่อมต่อกับสนามบินนานาชาติฮ่องกงและท่าเรือฮ่องกง ส่งผลให้เมืองต่างๆ เหล่านี้เริ่มมีโครงสร้างพื้นฐานที่เพียบพร้อมมากขึ้นและเกิดการพัฒนาที่รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมืองจูไห่ที่ถึงแม้จะถูกจัดให้อยู่ในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone – SEZ) ด้วยกันกับเมืองเซินเจิ้นและเซี่ยเหมินมาตั้งแต่ปี 2523 แต่ก็มีการพัฒนาที่ช้ากว่าเซินเจิ้นและเซี่ยเหมินมาก เพราะเดิมทีเมืองจูไห่ไม่มีพื้นที่ทางบกที่ติดต่อกับฮ่องกงหรือทางรถไฟที่เชื่อมต่อไปยังเมืองอื่นๆ ของจีนแผ่นดินใหญ่เหมือนกับที่เซินเจิ้นและเซี่ยเหมินมี แต่ในปัจจุบันจูไห่เริ่มมีเส้นทางรถไฟไปยังเมืองต่างๆ ของจีนแผ่นดินใหญ่มากขึ้น อีกทั้งสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊าก็ยังช่วยสร้างการเชื่อมต่อทางบกให้กับจูไห่ไปยังฮ่องกงได้อีก ทำให้จูไห่มีเส้นทางการคมนาคมที่สะดวกมากขึ้น และกำลังพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยปัจจุบันอุตสาหกรรมหลักของเมืองจูไห่ได้แก่ สารสนเทศอิเล็กทรอนิกส์ (electronic information) ชีวเภสัชภัณฑ์ (bio-pharmaceutical products) เครื่องใช้ไฟฟ้า (electrical appliances) พลังงานไฟฟ้า (electrical energy) ปิโตรเคมีภัณฑ์ (petrochemicals) และเครื่องจักรกลความแม่นยำสูง (precision machinery) นอกจากนี้รัฐบาลจีนก็คาดหวังว่าจูไห่จะดึงดูดการลงทุนมากขึ้นในด้านของการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (high-end manufacturing) อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ และเทคโนโลยีขั้นสูง (new and high-tech industries) อุตสาหกรรมทางทะเล (marine economy) การเกษตรเชิงอนุรักษ์ (eco-agriculture) และการแพทย์แผนจีน (traditional Chinese medicine) ดังนั้นนักลงทุนไทยที่สนใจจะลงทุนในด้านต่างๆ เหล่านี้ก็สามารถศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมและเลือกมาลงทุนในจูไห่ได้
ปรับปรุงล่าสุด : 20 มีนาคม 2562
โดย : น.ส. ณัฐชนัญ อุสาหะ
แหล่งข้อมูล: http://www.hzmb.gov.hk/en/index.html,
http://www.hzmb.gov.hk/en/info/Passenger%20Guide_EN.pdf,
http://www.hzmb.gov.hk/en/info/Driver%20Guide_EN.pdf,
http://www.hzmb.org/en/default.asp,
http://www.hzmb.hk/eng/,
https://www.legco.gov.hk/yr17-18/english/panels/tp/papers/tp20180518cb4-1072-3-e.pdf,
http://www.info.gov.hk/,
http://www.td.gov.hk/,
http://www.gov.hk/,
http://www.scmp.com/,
http://en.wikipedia.org/wiki/Hong_Kong%E2%80%93Zhuhai%E2%80%93Macau_Bridge,
http://www.macaomagazine.net/economy/state-art-bridge-integrating-macao-hong-kong-and-zhuhai,
http://www.nextstophongkong.com/travel-to-macau-via-hong-kong-zhuhai-macau-bridge/,
http://thehkshopper.com/transportation/travelling-via-the-hk-zhuhai-macau-bridge,
http://www.chinabusguide.com/station/hkzmb-zhuhai-port.html, และ
http://www.chinabusguide.com/advice/hongkong-zhuhai-macau-bridge-shuttle-bus-service.html